7.01.2558

หลังสอบเข้า

รู้สึกยังไง

หลายคนรู้สึกไม่เหมือนกันตอนที่ติดแล้ว เท่าที่ถามหลายๆคน บางคนยิ้มกว้าง ดีใจ จนร้องไห้ เพราะเหมือนที่ทุ่มเทมาตลอด มันคุ้ม หรือ ติดจริงหรอ? ประกาศไม่ผิด? แน่ใจนะ? เพราะไม่เชื่อว่าตัวเองจำทำได้ 

ชีวิตเปลี่ยนมั้ย?

มากๆๆๆ หลายคนปรับตัวไม่ได้ เพราะเรียนหนัก จนลาออกก็มี ลาออกเพราะอากาศร้อนก็มี รู้สึกแย่ ไม่ชินในตอนแรก เพราะสังคมกว้างเกินไป คนมาจากทั่วทั้งประเทศ และมีเด็กนักเรียนเยอะ แต่หลังจากนั้นมาซักเดือน พูดเลยว่ามันจะหายไป พอเราเริ่มปรับตัวได้ แบ่งเวลาเรียนกับกิจกรรมดีๆ จนกลายเป็นว่าสนุกไปกับมัน เวลาไปไหน จากตอนแรกที่เราก็เป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่พอมีพระเกี้ยวก็เจอหลายคนเข้ามาขอคำแนะนำเพราะจะไปสอบ พูดได้เลยว่าคนมองเราเปลี่ยนไปมากๆ

แต่เหนื่อย...
เข้ามาเรียนที่นี่ พอสังคมกว้างขึ้น โรงเรียนใหญ่ขึ้น มันทำให้เราเหนื่อยจริงๆ คนที่เดินทางมาโดย BTS ต้องเดินต่อมาโรงเรียนทุกวัน นักเรียนตึกที่อยู่ทางพญาไท ต้องเดินไปออกประตูอังรีดูนังต์ทุกวัน บวกไปกับอากาศร้อนที่บางทีก็ทำให้เราเบื่อ ที่นี่เริ่มเรียนคาบแรกตั้งแต่ยังไม่แปดโมงดีด้วยซ้ำ ส่วนเลิกเรียนก็เกือบ 4 โมงเย็น บางวันก็ยังไม่ได้กลับเลย ต้องอยู่ซ้อมนู่นนี่ ชมรม กีฬาสี พอกลับถึงบ้าน ยิ่งคนบ้านไกล ต้องเดินทางหลายต่อ จะรู้สึกอยากนอน ไม่อยากทำอะไรแล้ว  แต่พอปรับตัวได้ ถึงจะเหนื่อยบ้าง แต่ก็เริ่มชิน รุ่นพี่บอกเสมอว่า 3 ปี อยากทำอะไรทำเลย เพราะถึงเราจะเหนื่อย แต่มันเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิตเตรียมอุดม

ก่อนสอบเข้า

ก่อนสอบเข้า เตรียมตัวอย่างไร?


สิ่งที่อยากจะบอก คือ ไม่ว่าเวลาจะเหลือน้อยแค่ไหน มันไม่สายไปที่จะเริ่มอ่านหนังสือ
ต่อให้มีเวลาหนึ่งวัน อาจจะสอบติดก็ได้ (คงไม่ใช่คนที่ไม่เก่งแล้วมาอ่านหนึ่งวันติดนะ)
อย่างเด็กหลายคนที่เคยเจอ คือ "มาสอบเล่นๆ แล้วดันติด" มาสอบแบบไม่ได้เตรียมตัวอะไรก็มี

แต่อันนั้นคงสำหรับพวกเด็กเทพ...

ถ้าเรามีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนว่าอยากจะเข้าเตรียมอุดมให้ได้ "อ่านหนังสือสิ" ตอนรู้ตัวครั้งแรก อีก9เดือน จะสอบ โห อีกตั้งนาน... แต่ไปๆมาๆ เรียนๆเล่นๆ 3เดือน... 2เดือน... 3วัน... เวลามันน้อยลงเรื่อยๆ      
เพราะฉนั้นสำหรับข้อสอบเตรียมอุดม ขึ้นชื่อว่า "ยากโคตรๆ" เริ่มก่อนได้เปรียบ ใช่แล้ว ยิ่งเราเริ่มเร็วเรายิ่งพร้อมกว่าคนอื่น เช่น ถ้า A ท่องศัพท์วันละ 5 คำ เริ่มตั้งแต่ 5 เดือนก่อนสอบ เราจะได้คำศัพท์ 150 คำ กับ B เริ่ม 2 เดือนก่อนสอบ เราได้ศัพท์ 60 คำ  ไม่แน่ว่า ข้อสอบอาจออกคำศัพท์หนึ่งใน 90 คำที่ B ไม่ได้ท่องก็ได้

สื่งที่จำเป็นที่สุด คือ หาตัวเองให้เจอ

หายังไง? ก็หาว่าเราสามารถมีสมาธิสูงสุดได้เวลาไหน บางคนชอบอ่านหนังสือตอนเช้า บางคนอ่านดึก วิธีอ่านหนังสือลอกกันไม่ได้ หาวิธีที่เหมาะกับตัวเอง เช่น อาบน้ำให้สดชื่นแล้วมาอ่าน จิบชาหรือน้ำหวานตอนอ่าน อ่านไปฟังเพลงไป บางคนทำตารางเวลาประจำวัน แล้วทำตามได้ แต่คนชอบอิสระ อยากอ่านตอนไหนก็อ่าน แต่เห็นว่ามีคนทำวิธีนี้แล้วติด เลยทำบ้าง สุดท้ายก็ไม่ได้ประโยชน์ 
แม้กระทั่งอ่านไปเล่นโทรศัพท์ไป บางคนกำหนดเวลาเล่นโทรศัพท์ตัวเอง บางคนไม่เล่นเลย แต่บางคนไม่ อย่างเช่นคนที่ชอบเล่นเฟส ไอจี ทวิตเตอร์ ซึ่งมีการอัพเดตตลอดเวลา ใครจะไปอดใจไหว? อ่านหนังสือวันละประมาณ 2-3 ชั่วโมง แต่ทีละ 30นาที ถึง 1ชั่วโมง อ่านแล้วพัก เล่น พัก ซึ่งเราเล่นโทรศัพท์ประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวัน แต่ทำให้ 2-3 ชั่วโมงที่อ่านมีสมาธิมากขึ้น เพราะไม่ต้องห่วงจะเล่น (ไม่ควรทำตาม)
ยัดไหวไหม? นั่งอ่านหนังสือวันละ 5 ชั่วโมง อาจพักครั้ง-2ครั้ง รู้เรื่องไหม ถ้ารู้มันไม่เสียหายที่จะทำ แต่บางคนฮึดจัด อ่านตามคนที่สอบติดโดยไม่รู้ลิมิตตัวเอง  เพราะบางที ถ้าเราอ่านหนังสือหลายๆชั่วโมงติดกัน แต่ไม่เข้าหัวเลยเพราะเยอะไปหมด ถ้าเราลองเปลี่ยนมาอ่านแค่ชั่วโมงเดียว แต่เข้าหัวทั้งหมดเลยจะได้ประโยชน์กว่า

แต่ทั้งนี้ เราต้องหาวิธีในแบบของเราให้ได้ก่อนอันดับแรก :)

เรียนพิเศษ? อ่านเอง? ทำโจทย์?

ก็อิงมาจากหาตัวเองให้เจอนั่นแหละ ว่าอ่านเองหรือเรียนพิเศษรู้เรื่องกว่า บางคนที่สอบติดไม่เรียนพิเศษเลยก็มี แต่สำหรับเราคิดว่าการเรียนพิเศษนั้นจำเป็น เพราะกวดวิชาหลายที่จะช่วยเก็งข้อสอบ จับจุดให้เราว่าควรอ่าตรงไหน อย่าไงไร และสำคัญมากคือ หลังเรียนเสร็จแล้ว ควรอ่านทบทวน ไม่ควรทิ้งไว้เกิน 3 วัน เพราะพอเราพึ่งเรียนมาใหม่ๆ เข้าใจในห้อง อ่าน2-3รอบก็จำได้แล้ว
ทำโจทย์ อันนี้สำคัญมาก ลองหาหนังสือรวบรวมแนวข้อสอบ ข้อสอบเก่ามาทำ เพราะบางทีเรารู้เนื้อหาแม่นยำ แต่พอโจทย์เอามาพลิกแพลง ใช้คำหลอก ก็ทำไม่ได้ และทำให้เราดักทางได้ เช่นมาแนวนี้ ต้องตอบแบบไหน *ซึ่งเราได้รวบรวมหนังสือที่ทำโดยรุ่นพี่ TU78 ไว้ในโพสต์ถัดไป*


แนะนำหนังสือ

เมื่อเราได้เป็นนักเรียนเตรียมอุดม หลายห้องก็จะทำหนังสือรวบรวมเนื่อหา แนวข้อสอบไว้ให้รุ่นน้อง ในที่นี้เราจะรวบรวมรายชื่อหนังสือของเตรียมอุดมรุ่น 78 ทำขึ้น (หากขาดเล่มไหนไปขออภัยมา ณ ที่นี)
ซึ่งไม่จำเป็นต้องซื้อของสายที่จะเข้าเสมอไป สามารถติดตามว่าหนังสือเล่มไหนมีวิชาอะไรบ้าง จะขายที่ไหน เมื่อไหร่ได้ในเพจเฟสบุ๊ค (คลิกที่ชื่อหนังสือ)

ศิลป์-เยอรมัน BITTERSWEET


ศิลป์-ฝรั่งเศษ-สเปน ห้อง 65 HOW TU?








ศิลป์-ฝรั่งเศษ ห้อง 66 CONQUEROR








ศิลป์-ฝรั่งเศษ ห้อง 71 coming soon...

ศิลป์-จีน AMARE















ศิลป์-ญี่ปุ่น ห้อง 845 TRIAMYES








ศิลป์-ญี่ปุ่น ห้อง 846 ARIGATRIAM








วิทย์-คุณฯ ห้อง 843 COSMOS



















วิทย๋-คุณฯ ห้อง 941 QUALITRIAM











วิทย์-คุณฯ ห้อง 942 CRESCENTIA











วิทย์-คุณ ห้อง 943 ABIENTOT'













วิทย์คอม ห้อง 834 DOTTU








วิทย์คอม ห้อง 835 ELIXIR








วิทย์คอม ห้อง 946 STAMINA













วิทย์-คอมฯ ห้อง 662 MIRACLE













วิทย์-บริหาร ห้อง 667 PLATORIUM













วิทย์-บริหาร ห้อง 444 ATRIAMSTUFFS



















Gifted-Science AURORA
























วิทย์จีน STAYTRIAM



















วิทย์-ประยุกต์ ห้อง 276 TRIAMACHINE













ศิลป์-คำนวณ ห้อง 343 TRIAMISSION



















ศิลป์-คำนวณ ห้อง 334 TRIAMISM



















ศิลป์-คำนวณ ห้อง 664 TRIAM-ING




















ศิลป์-คำนวณ ห้อง 665 TUMORROW







แนะนำสาย


    สายการเรียนในโรงเรียนของเราจะแบ่งเป็น



    ภาษา-ภาษา


    ในโรงเรียนเตรียมอุดมนั้นมีภาษาให้เลือกถึง 5ภาษา ซึ่งจะเรียนภาษาที่สามและภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้นทั้ง 3 ปี ถึงวิชาละ 6 คาบต่อสับดาห์ โดยหนึ่งคาบนั้น จะได้เรียนกับอาจารย์เจ้าของภาษาด้วย
    ภาษาฝรั่งเศษ - เป็นสายการเรียนที่เก่าแก่ที่สุดในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งณ ปัจจุบันนี้เป็นรุ่นที่ 79 แล้ว
    ภาษาเยอรมัน - เป็นภาษาที่ 3 ที่ปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลาย มีทุนการศึกษาเรียนต่อมากมาย มีกิจกรรมมากมาย ล่าสุดนักเรียนที่ชนะโอลิมปิกเยอรมันโลกก็มาจากโรงเรียนของเรา
    ภาษาสเปน - สายนี้รับนักเรียนเพียง 25 คนต่อปีเท่านั้น ซึ่งจะได้เรียนรวมกับสายภาษาฝรั่งเศษเป็นหนึ่งห้อง
    ภาษาจีน - สายการเรียนล่าสุดของเตรียมอุดม เพิ่งเปิดมาได้ไม่นานเพียง2ปีเท่านั้น ปัจจุบันจีนมีอิทธิพลมาก จึงเป็นภาษาที่สำคัญ
    ภาษาญี่ปุ่น - เป็นอีกหนึ่งสายการเรียนที่เป็นที่นิยมมากรวบรวมคนที่สนใจภาษาและการ์ตูนไว้

    ภาษา-คณิต

    หรือที่เรียกกันว่าศิลป์คำณวน นอกจากจะได้เรียนวิชาคณิตศาสตร์อย่างเข้มข้นแล้วยังมีภาษาจีนให้เรียนเสริมอีกด้วย ส่วนวิชาวิทย์จะเรียน 2 คาบต่อสัปดาห์ เหมือนกับสายภาษาค่ะ


    วิทย์-คณิต

    ทุกสายเรียนวิทย์คณิตเหมือนกัน และสามารถเข้าคณะต่างๆได้เมือนกัน เพียงแต่ว่าในม.4 และ ม.5 จะมีคาบ 2 คาบต่อสัปดาห์ที่เรียนตามแผนของตน ส่วนม.6 สายวิทย์คณิตจะยุบรวมกัน  โดยเราจะได้เลือสายไว้สองลำดับ ตอนที่สมัครสอบ
    วิทย์-คุณภาพชีวิต สายนี้จะเน้นไปทางหมอค่ะ คือเรียนการทำ cpr สาธารณสุขต่างๆ ไปดูอาจารย์ใหญ่ ฯลฯ แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าหมอ
    วิทย์-คอมพิวเตอร์ สายนี้ค่อนข้างบูมมาก เพราะ Gifted เลขและวิทย์ถูกรวมอยู่ในสายนี้ ตามชื่อก็จะได้เรียนเกี่ยวกับการเขียนเว็บ โปรแกรมต่างๆ และภาษาซีด้วย
    วิทย์-ประยุกต์ สายนี้ถูกรวมจากวิทย์สถาปัตย์ และวิทย์วิศวะ ได้เรียนเกี่ยวกับการประดิษฐ์ มีทั้งหมด 4 ห้องเรียน
    วิทย์-บริหาร สายนี้นอกจากจะได้เรียนวิทย์คณิตแล้ว ยังได้เรียนการทำบัญชีต่างด้วย มีทั้งหมด 4 ห้องเรียน
    วิทย์-ภาษา ก็ตามที่บอกไว้ตอนต้นเลย วิทย์ภาษาจะได้เรียนภาษา 2 คาบต่อสัปดาห์ค่ะ มีให้เลือกคือ เยอรมัน ฝรั่งเศษ ญี่ปุน และจีน ซึ่งจะไม่เน้นเท่ากับสายศิลป์ แต่เราก็ได้เรียนทั้งวิทย์คณิตและภาษาด้วย


    เมื่อเลือกสายแล้วเตรียมอุดมเรียนวิชาตามสายหนักมาก ควรเลือกสายที่ชอบจริงๆ ไม่ควรเลือกตามเพื่อน สิ่งที่พ่อแม่อยากให้เรียน เพราะอาจเรียนไม่ไหวเลยก็ได้